วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2552

กลอน สุนทรภู่

ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร
ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
แม้อยู่ในใต้หล้าสุธาธาร
ขอพบพานพิสวาทมิคลาดคลา
แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ
พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา
เชยผกาโกสุมปทุมทอง
แม้เป็นถ้ำอำไพขอให้พี่
เป็นราชสีห์สมสู่เป็นคู่สอง
ขอติดตามทรามสงวนนวลละออง
เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป








กลอน นี้ ไปถูกเขียนขึ้น เพื่ออธิบายถึงความรู้สึก หลังจากพระอภัยมณีได้ พลอดรัก กับคนรักของเขา ถึงแม้จะได้เต็มอิ่มกันไปแล้ว แต่ยังไม่เพียงพอสำหรับ สุนทรภู่ เหมือนความรักจุกอยู่กลางหัวใจ และอยากให้ความรักกับผู้หญิงคนนี้ อยู่ต่อไปเรื่อยๆ และ เรื่อยๆ อยู่ให้ห้วงของความรักที่ชายคนหนึ่งมีให้ผู้หญิงอีกคน จึงกลายเป็นคำมั่นสัญญาเกิดขึ้น

กลอนนี้ ท่าน สุนทรภู่ได้ นำคำมั่นสัญญา กลายมาเป็นคำขอว่า ไม่ว่า ผู้หญิงจะเกิดเป็นอะไร ชาติ ไหน พบไหน เขาก็จะถามไปรัก ผู้หญิงคนนี้ตลอด เช่น หากผู้หญิงเป็นอย่างนี้ เขาก็จะเป็นอีกอย่างเพื่อให้ได้ ผูกผันเ กันอีก กลวิธีนี้เป็นการเชื่อมของสิ่งๆหนึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่ง ซึ่งแต่ละซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกัน ยังไงก็ตามพระอภัยมณี ก็ขอตามไปพบพานพิศวาศผู้หญิงคนนี้ตราบชั่วกัลปวสาน

ความกำกวมของกลอน หากไม่ขุดเข้าไปลึกจริง ก็จะเห็นภาพตามสิ่งที่อ่านของกลอน และก็เห็นภาพแตกต่างจาก ตอนที่ขุดลึกเข้าไปจริงๆ ส่วนตัวแล้วคิดว่า กลอนนี้มีความกำกวมมาก เหมือนเป็นความมายซ่อน ความหมาย ทับซ้อนกันมา หากดูดีๆ ถึงจะรู้ถึง จุดพระสงค์ของกลอนบทนี้ และสุดท้ายก็จะเข้าใจเอง การที่สุนทรภู่ ใช้ คำที่เกินจริง เช่น ได้หล้าสุกธาธารและคำอื่นๆอีกมากมาย ทำให้ผู้อ่านสนใจ เพราะการที่ใช้คำเกินจริงนั้นเป็นศิลปะของการแต่งกลอนที่ให้ผลลัพย์รุนแรง โดยเฉพาะกับการที่ใช้คำที่เกินจริงในการ ซ่อนความหมายที่แท้จริง

ด้วยความที่ กลอนเป็น ศิลปะ จึงไม่มีความตรงไปตรงมา ฉะนั้น เราจึงต้องเป็นฝ่ายเข้าไปตีความเอง โดยเฉพาะกับคำที่เกินจริง และ ซ่อนความหมาย นั้น เป็น เหมือนเหล็ก ดึงดูดให้ผู้อ่านอยากเข้าไปค้นความหมายของกลอนนี้ สุกท้ายความเข้าใจต่อกลอนนี้ จะขึ้นอยู้กับว่า เราขุดและคิดลึกเพียงพอไหม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น